เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์แห่งออตโตมัน (ตุรกี:Fatma Nesli?ah Osmano?lu Sultan; ประสูติ: 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1921 — สิ้นพระชนม์ 2 เมษายน ค.ศ. 2012) พระปนัดดาของกาหลิบคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิออตโตมัน โดยพระบิดาคือเจ้าชายเซซาด โอมาร์ ฟารุก เอฟเฟนดี เป็นโอรสในกาหลิบอับดุลเมซิดที่ 2 กับพระมเหสีพระองค์แรก และพระมารดาคือเจ้าหญิงรูกิเย ซาบิฮะ สุลต่าน เป็นพระธิดาในสุลต่าน และกาหลิบคนสุดท้ายแห่งออตโตมัน สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 กับพระมเหสีพระองค์แรก
เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์ เป็นพระปนัดดาของกาหลิบคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิออตโตมัน โดยพระบิดาคือเจ้าชายเซซาด โอมาร์ ฟารุก เอฟเฟนดี (ประสูติ 27/29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1898 พระราชวังโอตากอย อิสตันบูล- สิ้นพระชนม์ 28 มีนาคม ค.ศ. 1969/1971) ทรงเป็นโอรสในกาหลิบอับดุลเมซิดที่ 2 กับพระมเหสีพระองค์แรก และพระมารดาคือเจ้าหญิงรูกิเย ซาบิฮะ สุลต่าน (ประสูติ 19 มีนาคม/1 เมษายน ค.ศ. 1894 พระราชวังโอตากอย อิสตันบูล - สิ้นพระชนม์ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1971 ที่อิสตันบูล) เป็นพระธิดาในสุลต่าน และกาหลิบคนสุดท้ายแห่งออตโตมัน สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 กับของพระมเหสีพระองค์แรก โดยเจ้าหญิงเจริญพระชันษาในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส หลังจากการเสด็จลี้ภัย ตั้งแต่พระองค์ยังมีพระชันษาได้ 3 ชันษา
เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์ ได้ดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงแห่งอียิปต์ จากการอภิเษกสมรสกับเจ้าชายมูฮัมหมัด อับเดล โมนีม พระราชโอรสในคีดิฟอับบาส ฮิลมีที่ 2 กับอิกบาล ฮานิม โดยงานเสกสมรสดังกล่าวถูกจัดขึ้นในพระราชวังเฮลิโอโปลิส กรุงไคโร เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1940 แต่สองปีก่อนหน้านี้เจ้าชายผู้เป็นพระสวามีเคยทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าฟารุกที่ 1 เพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมือเซเยน (1909–1969) พระขนิษฐาในพระเจ้าซ็อกที่ 1 แห่งแอลเบเนีย ด้วยสินสอดมูลค่า 50,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่สำเร็จ โดยทั้งสองพระองค์ ได้มีพระโอรส-ธิดา 2 พระองค์ คือ
ต่อมาพระสวามีของเจ้าหญิง ซึ่งเคยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระเจ้าฟูอัดที่ 2 ที่ยังเป็นทารกแรกประสูติ ซึ่งเป็นผลจากการสละราชสมบัติของพระเจ้าฟารุกที่ 1 แต่หลังการยกเลิกผู้สำเร็จราชการทั้งสามคนในวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1952 คงเหลือแต่เจ้าชายโมฮัมหมัดแต่เพียงพระองค์เดียว พระสวามีจึงกลายเป็นเจ้าชายผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (Prince regent) เจ้าหญิงฟัตมาต้องประกอบพระกรณียกิจเยี่ยงพระชายาของพระมหากษัตริย์ ทรงเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา อาทิการแข่งขันโปโลและการแข่งขันเทนนิสทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติรอบสุดท้าย
หลังการดำรงตำแหน่งในการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของเจ้าชายมูฮัมหมัด ท้ายที่สุดอียิปต์ก็ทำการปฏิวัติยกเลิกระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1953 ต่อมาในปี ค.ศ. 1957 พระสวามีและพระองค์ถูกจับกุมด้วยข้อหาวางแผนต่อต้านนายพลกาเมล อับเดล นัสซอร์ ในเวลาต่อมาทั้งสองได้ถูกเนรเทศอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เจ้าหญิงฟัตมาทรงพำนักในยุโรประยะหนึ่ง ก่อนที่จะเสด็จนิราศไปประทับในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี จนท้ายที่สุดเจ้าชายโมฮัมหมัดได้สิ้นพระชนม์ลงที่นั้นในปี ค.ศ. 1979
เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์ ทรงใช้ชีวิตบั้นปลายพระชนม์พำนักอยู่ในนครอิสตันบูลร่วมกับพระธิดาที่ไม่เสกสมรสคือ เจ้าหญิงอิกบาล และเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงองค์สุดท้ายของราชวงศ์ออตโตมัน
เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์ เจ้าหญิงองค์สุดท้ายของราชวงศ์ออตโตมัน สิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2012 ด้วยพระอาการพระหทัยพิการ สิริพระชนมายุได้ 91 พรรษา และมีพิธีฝังพระศพในวันอังคารที่ 3 เมษายนปีเดียวกัน ณ นครอิสตันบูล อดีตราชธานีของจักรวรรดิออตโตมัน